SQL SELECT DISTINCT, AS

SQL SELECT DISTINCT


          เป็นคำสั่ง SELECT ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการตัดค่าที่ซ้ำกันออกให้แสดงเพียงแค่ค่าเดียว ดังตัวอย่างเปรียบเทียบดังนี้
 
test_distinct.asp

strSQL = "SELECT Profile_ID, Profile_Name, Profile_Location "   strSQL = strSQL & "FROM Profile"   strSQL = strSQL & " ORDER BY Profile_ID ASC;"

จากคำสั่งด้านบนเป็นการเลือกค่าของฟิลด์ Profile_ID, Profile_Name, Profile_Location  จากตาราง Profile และเรียงลำดับจากน้อยไปมากตามค่าของ Profile_ID ซึ่งผลลัพธ์จะได้ดังนี้

จะเห็นว่าในส่วนของ Profile_Location จะมีชื่อที่ซ้ำกันอยู่ถ้าเราใช้คำสั่ง DISTINCT ค่าที่ซ้ำจะแสดงออกมาเพียงครั้งเดียวดังนี้
 

strSQL = "SELECT DISTINCT Profile_Location "   strSQL = strSQL & "FROM Profile"

Profile_Location Bangkok Hongkong Jagata London

สาเหตุที่ต้องเลือกแสดงเฉพาะค่าของ Porfile_Location เพียงค่าเดียวเพราะเป็น ฟิลด์ที่มีค่าซ้ำกันถ้าใช้คำสั่งเลือกทั้ง 3 ฟิลด์
 

strSQL = "SELECT DISTINCT Profile_ID, Profile_Name, Profile_Location "   strSQL = strSQL & "FROM Profile"   strSQL = strSQL & " ORDER BY Profile_ID ASC;"

ค่าที่ออกมาก็จะเป็นดังตารางแรกเพราะค่าของ Profile_ID และ Profile_Name ไม่มีค่าซ้ำแม้ว่า Porfile_Location  จะมีค่าซ้ำก็ตาม 
 

SQL SELECT AS

          เป็นคำสั่ง SELECT ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการเปลี่ยนชื่อให้กับคอลัมน์ในการเรียกดูซึ่งมีรูปแบบดังนี้ 

SELECT ชื่อคอลัมน์(ฟิลด์)ในตาราง  As ชื่อคอลัมน์ใหม่ ,[...n] FROM table_source

test_as.asp

strSQL = "SELECT Profile_ID As หมายเลข, Profile_Name As ชื่อ, Profile_Age As อายุ "    strSQL = strSQL & "FROM Profile "    strSQL = strSQL & "ORDER BY Profile_ID ASC;"

จากคำสั่งนี้เราจะเลือกที่ตาราง Profile ในฟิลด์ Profile_ID, Profile_Name , Profile_Age โดยเปลี่ยนชื่อคอลัมน์ในการ View ตามลำดับดังนี้

1. Profile_ID           เปลี่ยนเป็น หมายเลข
2. Profile_Name      เปลี่ยนเป็น ชื่อ
3. Profile_Age         เปลี่ยนเป็น อายุ
   

ซึ่งผลที่ได้จะเป็นดังนี้

หมายเลข ชื่อ อายุ 1 user1 23 2 user2 25 3 user3 27 4 user4 16 5 user5 34 6 user6 36 7 user7 24 8 user8 26 9 user9 28 10 user10 30