|
.Net Application ใช้ DateTime รูปแบบวันที่ให้ถูกต้องตาม Format ของ พ.ศ หรือ ค.ศ (Culture) |
.Net ใช้ DateTime รูปแบบวันที่ให้ถูกต้องตาม Format ของ พ.ศ หรือ ค.ศ (Culture) แอดมินได้พบเจอปัญหาเกี่ยวกับการใช้งาน DateTime ในรูปแบบของ พ.ศ และ ค.ศ ผิดกันบ่อยมาก แทบจะเป็นปัญหาต้นๆ ของโปรแกรมบน Desktop ที่พัฒนาด้วย .Net Application เมื่อนำไปใช้งานกันในสภาพแวดล้อมต่างๆ เชื่อหรือไม่ว่าโปรแกรมเมอร์บางคนที่ผมรู้จักผ่านการเขียน .Net Application มานับ 10-15 ปี แต่กลับมาตกม้าตายกับปัญหาการใช้ DateTime ที่ผิดตามรูปแบบของ พ.ศ และ ค.ศ กันหลายคนมาก เช่น เมื่อนำโปรแกรมไปติดตั้งใช้งานบนเครื่อง Client ต่างๆ ที่มีการ Config ค่าที่เป็น DateTime ที่แตกต่างกันไป อาจจะอยู่ในรูปแบบ mm/dd/yyyy หรือ dd/mm/yyyy แม้กระทั่งค่าที่เป็นระว่าง พ.ศ และ ค.ศ ปัญหาการแสดงผล Format ที่แตกต่างกันระหว่าง Database กับ Server สาเหตุต่างๆ เหล่านี้ทำให้โปรแกรมเมอร์หลายๆ คน ถึงกับวาง Bug กับโปรแกรมตัวเอง ด้วยการใช้การตัด วันที่บ้าง หรือ แปลงจาก พ.ศ เป็น ค.ศ ด้วยการ บวก หรือ ลบ 543 เพื่อให้ได้ค่าที่ต้องการ
.Net ใช้ DateTime รูปแบบวันที่ให้ถูกต้องตาม Format ของ พ.ศ หรือ ค.ศ (Culture)
สาเหตุต่างๆ เหล่านี้จะหมดไป ถ้าเราให้ความสำคัญกับ Format และ Culture Globalization ซึ่งหมายถึงการเข้าใจสภาพแวดล้อมของเครื่องที่กำลังรันโปรแกรมอยู่ในขณะนั้น และการใช้การ Convert ด้วย DateTime และแปลงให้เป็น Format ที่ต้องการ ห้ามใช้การตัด บวก หรือ ลบ ค่าต่างๆ
Imports หรือ using
System.Threading
System.Globalization
เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจจะยกตัวอย่างสำหรับการใช้งานที่พบเจอกันในปัจจุบัน
1. ข้อมูล DateTime ที่ได้มาจาก Query Database หรือดึง DateTime มาจาก System ของเครื่อง
แน่นอนว่า Format ที่ได้นั้นจะอยู่ในรูปแบบ Format ของเครื่องที่ที่ทำหน้าที่อ่านข้อมูลนั้น ๆ เช่น ถ้า Windows Form ก็จะเป็น Format ตามเครื่อง Client แต่ถ้า Web Server ก็จะเป็นไปตาม Format ของเครื่อง Web Server แต่เราจะไม่สนใจว่า Format ที่ได้นั้นจะอยู่ในรูปแบบใด เพราะมันเป็น DateTime อยู่แล้ว ฉะนั้นตอนที่เราเรียกใช้ เราเพียงทำการ Convert ให้มันเป็นไปตาม Format ที่ต้องการเท่านั้น เช่น
VB.Net
' myDateTime = from System/Database Table
'*** Thai Format
Dim _cultureTHInfo As New Globalization.CultureInfo("th-TH")
Dim dateThai As DateTime = Convert.ToDateTime(myDateTime, _cultureTHInfo)
Me.lblThai.Text = dateThai.ToString("dd MMM yyyy", _cultureTHInfo)
'*** Eng Format
Dim _cultureEnInfo As New Globalization.CultureInfo("en-US")
Dim dateEng As DateTime = Convert.ToDateTime(myDateTime, _cultureEnInfo)
Me.lblEng.Text = dateEng.ToString("dd MMM yyyy", _cultureEnInfo)
C#
//myDateTime = from System/Database Table
//*** Thai Format
Globalization.CultureInfo _cultureTHInfo = new Globalization.CultureInfo("th-TH");
DateTime dateThai = Convert.ToDateTime(myDateTime, _cultureTHInfo);
this.lblThai.Text = dateThai.ToString("dd MMM yyyy", _cultureTHInfo);
//*** Eng Format
Globalization.CultureInfo _cultureEnInfo = new Globalization.CultureInfo("en-US");
DateTime dateEng = Convert.ToDateTime(myDateTime, _cultureEnInfo);
this.lblEng.Text = dateEng.ToString("dd MMM yyyy", _cultureEnInfo);
จากตัวอย่างจะเห็นว่า myDateTime คือ DateTime ที่ได้มาจาก Query หรือ System ของเครื่อง ซึ่งเราจะไม่สนใจ Format ว่ามันจะอยู่ในรูปแบบใด แต่ตอนที่เรียกใช้เราจะใช้การ Convert ว่าจะให้อยู่ในรุปแบบ th-TH (พ.ศ) หรือ en-US (ค.ศ)
2. ข้อมูล DateTime ที่ได้มาจาก String ต่างๆ
แน่นอนว่า String ที่ได้นั้นไม่ใช่ DateTime ซึ่งที่นี้ เราจะต้องดูว่า String ที่เป็นวันที่นั้น อยู่ในรุปแบบใด เช่น พ.ศ หรือ ค.ศ แล้วก็แปลงมันให้ถูกต้อง
2.1 String ของ DateTime ที่อยู่ในรูปแบบของ พ.ศ
VB.Net
Dim _cultureTHInfo As New Globalization.CultureInfo("th-TH")
Dim strDate As String = "27-Jan-2560"
Dim dateThai As DateTime = Convert.ToDateTime(strDate, _cultureTHInfo)
C#
Globalization.CultureInfo _cultureTHInfo = new Globalization.CultureInfo("th-TH");
String strDate = "27-Jan-2560";
DateTime dateThai = Convert.ToDateTime(strDate, _cultureTHInfo);
2.2 String ของ DateTime ที่อยู่ในรูปแบบของ ค.ศ
VB.Net
Dim _cultureEngInfo As New Globalization.CultureInfo("en-US")
Dim strDate As String = "27-Jan-2017"
Dim dateEng As DateTime = Convert.ToDateTime(strDate, _cultureEngInfo)
C#
Globalization.CultureInfo _cultureEngInfo = new Globalization.CultureInfo("en-US");
string strDate = "27-Jan-2017";
DateTime dateEng = Convert.ToDateTime(strDate, _cultureEngInfo);
จากตัวอย่างนี้จะเห็นว่า DateTime จาก String อยู่ทั้งในรูปแบบของ พ.ศ หรือ ค.ศ ซึ่งเมื่อเราทำการ Convert ให้เป็น DateTime แล้ว มันจะแปลง Format ที่ได้นั้นให้อยู่ใน Format ของเครื่องที่ทำการรันโปรแกรมอยู่ ซึ่งถ้าเราจะนำไปใช้กับ Format ต่างๆ ก็สามารถแปลงกลับไปได้ตามตัวอย่างที่ 1
3. การนำ DateTime กลับไป Insert หรือ Update ที่ Database
เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่ใช้กันผิดอยู่มาก ซึ่งการเขียน Query ที่ถูกต้องนั้น ข้อมูลที่เป็น DateTime ไม่ควรใช้การ Insert แบบ String และควรใช้เป็นแบบการ Query แบบ Parameters Query ซึ่งมันจะสามารถทำการ Insert ค่า DateTime ได้อย่างถูกต้อง และตอนที่ทำการ Insert เราก็ไม่จำเป็นจะต้องแปลงให้อยู่ในรูปแบบของ พ.ศ หรือ ค.ศ เพราะเมื่อทำการ Insert โปรแกรมจะทำการ Convert ให้เองให้ถูกต้องตาม System Format ของเครื่องที่จัดเก็บ
VB.Net
strSQL = "INSERT INTO customer (CustomerID,Name,Email,CountryCode,Budget,Used,CreateDate) " & _
"VALUES (@sCustomerID,@sName,@sEmail,@sCountryCode,@sBudget,@sUsed,@CreateDate)"
With objCmd
.Parameters.Add("@sCustomerID", SqlDbType.VarChar, 5).Value = "C005"
.Parameters.Add("@sName", SqlDbType.VarChar, 250).Value = "Weerachai Nukitram"
.Parameters.Add("@sEmail", SqlDbType.VarChar, 250).Value = "[email protected]"
.Parameters.Add("@sCountryCode", SqlDbType.VarChar, 2).Value = "TH"
.Parameters.Add("@sBudget", SqlDbType.Decimal).Value = 2000000.00
.Parameters.Add("@sUsed", SqlDbType.Decimal).Value = 1000000.00
.Parameters.Add("@CreateDate", SqlDbType.DateTime).Value = dateTime
End With
C#
strSQL = "INSERT INTO customer (CustomerID,Name,Email,CountryCode,Budget,Used,CreateDate) "
+ "VALUES (@sCustomerID,@sName,@sEmail,@sCountryCode,@sBudget,@sUsed,@CreateDate)";
objCmd.Parameters.Add("@sCustomerID", SqlDbType.VarChar, 5).Value = "C005";
objCmd.Parameters.Add("@sName", SqlDbType.VarChar, 250).Value = "Weerachai Nukitram";
objCmd.Parameters.Add("@sEmail", SqlDbType.VarChar, 250).Value = "[email protected]";
objCmd.Parameters.Add("@sCountryCode", SqlDbType.VarChar, 2).Value = "TH";
objCmd.Parameters.Add("@sBudget", SqlDbType.Decimal).Value = 2000000.0;
objCmd.Parameters.Add("@sUsed", SqlDbType.Decimal).Value = 1000000.0;
objCmd.Parameters.Add("@CreateDate", SqlDbType.DateTime).Value = dateTime;
ดูบรรทัดที่เป็น Parameters.Add("@CreateDate", SqlDbType.DateTime).Value = dateTime การ Insert/Update ที่เป็นวันที่
อ่านเพิ่มเติม : Windows Form กับ DateTimePicker ใช้ให้ถูกวิธีและการอ่านค่าให้ถูกต้อง เช่น Format , Culture (VB.Net, C#)
|
|
|
|
|
|