|
การใช้งาน log4net วิธีการจัดเก็บ Log ไฟล์ต่างๆ บน .Net Application (VB.Net, C#) |
การใช้งาน log4net วิธีการจัดเก็บ Log ไฟล์ต่างๆ บน .Net Application (VB.Net, C#) บทความนี้เป็นการใช้ Library ของ log4net เป็น Lib ไว้สำหรับการจัดการกับ Log ต่างๆ บน Application ข้อดีของมันคือ สามารถกำหนด Level หรือระดับของ Log ที่จัดเก็บได้ ซึ่งในแบบเดิมเราจะต้องใช้พวก StreamWriter หรือ File ที่อยู่ภายใต้ System.IO ทำการสร้างไฟล์และเขียน Text ต่างๆ ที่ต้องการ และจะต้องมากำหนด Format รูปแบบต่างๆ และจัดการกับขนาดของ Log เอง ซึ่งค่อนข้างจะวุ่นวายเมื่อ Log มีปริมาณขนาดที่ใหญ่และมีการจัดเก็บข้อมูลมากๆ อาจจะมีผลให้การทำงาน Performance ของโปรแกรมลดลงได้
log4net and .Net Application
log4net library ตัวนี้ถือว่าออกแบบได้มาอย่างยอดเยี่ยม โดยมันสามารถกำหนดรูปแบบ ขนาด และเวลาการจัดเก็บของไฟล์ต่างๆ แยกเป็นไฟล์อัตโนมัติ หรือ ลบไฟล์เมื่อระยะเวลาผ่านจากที่กำหนดไว้ ผ่านการไฟล์ .config ได้เลย สามารถจัดเก็บ Log ไฟล์ใน Level ต่างๆ ที่ต้องการแบ่งแยก เช่น ในโปรแกรมเราอาจจะออกแบบ Log ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ในแต่ล่ะเหตุการณ์ เมื่อโปรแกรมเกิด Bug , Warning , Info ต้องการจัดเก็บแค่บางเหตุการณ์ ได้ด้วยการแก้ผ่าน config รองรับการแก้ไข On The Fly (แก้ไขโดยที่ Session โปรแกรมไม่หลุด) สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วไม่มีปัญหาในการทำงานแบบ Thread Safe (เรียกใช้ภายใต้ thread ที่ทำงานพร้อมๆ กัน)
วิธีการใช้งาน log4net บน .Net Application รองรับการใช้งานกับ .Net Application ทุกประเภท และทุกเวอร์ชั่นของ .Net Framework
- .NET Standard 1.3 via .NET Core 1.0
- Microsoft .NET Framework 1.0
- Microsoft .NET Framework 1.1
- Microsoft .NET Framework 2.0
- Microsoft .NET Framework 3.5
- Microsoft .NET Framework 4.0
- Microsoft .NET Framework 4.5
- Microsoft .NET Framework 3.5 Client Profile
- Microsoft .NET Framework 4.0 Client Profile
- Microsoft .NET Compact Framework 1.0
- Microsoft .NET Compact Framework 2.0
- Mono 1.0
- Mono 2.0
- Mono 3.5
- Mono 4.0
- Microsoft Shared Source CLI 1.0
- CLI 1.0 Compatible
วิธีการใช้ log4net
การติดตั้ง Library สามารถติดตั้งได้จาก Nuget Package
ปัจจุบันเวอร์ชั่น stable อยู่ที่ 2.0.7
[assembly: log4net.Config.XmlConfigurator(ConfigFile = "log4net.config", Watch = true)]
เพิ่มคำสั่งนี้ลงในไฟล์ AssemblyInfo.cs และจะเห็นว่ามีการอ้างถึงไฟล์ log4net.config ซึ่งไฟล์นี้จะเป็นที่บรรจุดรายการ Config ต่างๆ
พร้อมกับให้สร้างไฟล์ log4net.config ไว้ด้วย
log4net.config
<configuration>
<configsections>
<section name="log4net" type="log4net.Config.Log4NetConfigurationSectionHandler, log4net">
</section>
</configsections>
<log4net debug="true">
<appender name="RollingLogFileAppender" type="log4net.Appender.RollingFileAppender">
<file value="Log/log.txt" />
<appendToFile value="true" />
<rollingStyle value="Size" />
<maxSizeRollBackups value="10" />
<maximumFileSize value="10MB" />
<staticLogFileName value="true" />
<layout type="log4net.Layout.PatternLayout">
<conversionPattern value="%-5p %d %5rms %-22.22c{1} %-18.18M - %m%n" />
</layout>
</appender>
<root>
<level value="INFO" />
<appender-ref ref="RollingLogFileAppender" />
</root>
</log4net>
</configuration>
มีเนื้อหาดังนี้ ซึ่งจากรูปจะมีอยู่ 2 ส่วนที่สำคัญๆ เช่น Path ที่จะจัดเก็บ Log และ Level ของ Log ส่วนอื่นๆ เช่น
<maxSizeRollBackups value="10" /> : จำนวนวันที่จะเก็บ log
<maximumFileSize value="10MB" /> : ขนาดของไฟล์ log แต่ล่ะไฟล์ เมื่อครบ 10MB จะแบ่งใหม่ เช่น log-1.log , log-2.log , ....
Level
- All
- DEBUG
- INFO
- WARN
- ERROR
- FATAL
- OFF
เพิ่มคำสั่งนี้ลงใน Web.Config หรือ App.Config
<configuration>
<configSections>
<section name="log4net" type="log4net.Config.Log4NetConfigurationSectionHandler,Log4net"/>
</configSections>
วิธีการใช้งาน
ขั้นที่ 1: ประกาศ
private static readonly log4net.ILog log = log4net.LogManager.GetLogger(typeof(Class-Name));
หรือ
private static readonly log4net.ILog log = log4net.LogManager.GetLogger(System.Reflection.MethodBase.GetCurrentMethod().DeclaringType);
ขั้นที่ 2: เขียน Log ลงในส่วนต่างๆ ที่ต้องการ
log.Info("Info Message");
log.Error("Error Message");
log.Warn("Warning Message");
จาก Code จะเห็นว่า log มีการ write ด้วย Level ต่างๆ ซึ่งเมื่อใช้งานจริงเราสามารถกำหนดใน log4net.cofig ว่าจะให้จัดเก็บ Level ไหนบ้าง
<level value="INFO" />
หรือ
<level value="INFO,ERROR" />
ในกรณีที่ต้องการเก็บทุกประเภทก็ให้ใช้ ALL ได้เลย
เมื่อมีการสร้าง Log จะได้ไฟล์ดังรุป
ไฟล์ Log ที่ถูกสร้าง
รายละเอียดของ Log ที่ถูกจัดเก็บ
Code (C#)
public partial class myWebForm : System.Web.UI.Page
{
private static readonly log4net.ILog log = log4net.LogManager.GetLogger(typeof(myWebForm));
//private static readonly log4net.ILog log = log4net.LogManager.GetLogger(System.Reflection.MethodBase.GetCurrentMethod().DeclaringType);
protected void Page_Load(object sender, EventArgs e)
{
log.Info("Info Message");
log.Error("Error Message");
log.Warn("Warning Message");
}
}
Code (VB.Net)
Public Partial Class myWebForm
Inherits System.Web.UI.Page
Private Shared ReadOnly log As log4net.ILog = log4net.LogManager.GetLogger(GetType(myWebForm))
Private Shared ReadOnly log As log4net.ILog = log4net.LogManager.GetLogger(System.Reflection.MethodBase.GetCurrentMethod().DeclaringType)
Protected Sub Page_Load(sender As Object, e As EventArgs)
log.Info("Info Message")
log.[Error]("Error Message")
log.Warn("Warning Message")
End Sub
End Class
.
Reference : http://https://logging.apache.org/log4net/
|
|
|
By : |
TC Admin
|
|
Article : |
บทความเป็นการเขียนโดยสมาชิก หากมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งให้ทาง webmaster ทราบด้วยครับ |
|
Score Rating : |
|
|
Create Date : |
2017-01-12 |
|
Download : |
No files |
|
Sponsored Links |
|
|
|
|
|
|