ตอนที่ 4 : การทำ Auto Scale ช่วยให้ Load Balance ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตอนที่ 4 : การทำ Auto Scale ช่วยให้ Load Balance ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะเป็นเทคนิคการใช้งาน Load Balance ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหมาะสมกับประมาณจำนวนผู้ใช้งาน ณ เวลานั้น ๆ และทำให้ผลทั้งหมดนี้ผลที่ตามมาก็คือ ประหยัดค่าใช้จ่าย ให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ซึ่งทั้งหมดนี้ Windows Azure มีโหมดสำหรับการจัด Auto Scale ในการใช้งาน เช่น ในช่วงเวลาที่จำนวนผู้ใช้งานน้อย อาจจะให้ระบบทำการปิด VM ให้เหลือจำนวนที่เหมาะสมพอดีกับจำนวนผู้ใช้งาน ณ เวลานั้น ๆ ซึ่งจะช่วยให้เรานั้นลดค่าใช้จ่ายในการเปิด VM ไว้เพื่อทำงานตลอดเวลา
จากบทความก่อนหน้านี้ เราจะมี VM ที่ทำหน้าที่เป็น Web Application และ Load Balance จำนวน 3 ตัว
จากภาพ VM ทั้ง 3 ตัว จะทำงานตลอดเวลา และกระจายโหลดไปยัง VM ต่าง ๆ ซึ่งจากภาพเราจะเห็นว่า เราจะต้องเปิด VM ไว้ทำงานตลอดเวลา แม้ในกระทั่งช่วงเวลาที่คนเข้าน้อย ๆ VM ก็จะยังทำงาน และนั่นหมายถึงจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายไป โดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงาน
ซึ่งปัญหานี้เอง Windows Azure ได้ออกแบบระบบการจัดการแบบ Auto Scale โดยสามารถให้ VM นั้นเปิด-ปิด ตัวเองอัตโนมัติ โดยสามารถกำหนดเงื่อนไขในการทำงานได้ 2 รูปแบบ คือ
CPU : ตรวจสอบจากจำนวน CPU ว่าทำงานกี่ % จะถึงจะให้เปิดเครื่องอื่น ๆ ขึ้นมาเพื่อช่วยทำงาน
ใน Instances เราจะพบกับ VM ที่อยู่ภายใต้ Cloud เดียวกัน ที่ทำหน้าที่เป็น Load Balance
กลับมายังหน้า Dashboard ซึ่งหน้านี้จะแสดง CPU การทำงานของ VM แต่ล่ะตัว
การปรับแต่ง Auto Scale (ในปัจจุบันยังเป็น Version Preview)
คลิก Preview และเราจะเห็นว่ามีคำแนะนำว่า ถ้าเราใช้การ Auto Scale จะสามารถลดค่าใช้ได้ได้ถึง 30%
การ Scale มี 2 รูปแบบคือ CPU และ QUEUE
การ Scale แบบ CPU เป็นการกำหนดว่าถ้าค่าเฉลี่ย CPU ของ VM ที่ทำงานอยู่ ณ ปัจจุบัน ถึงอัตราที่กำหนด จะให้มีการเปิด VM อื่น ๆ ขึ้นมาเพื่อช่วยทำงาน
ช่องแรก เลือกจำนวน VM ต่ำสุด ถึง VM สูงสุด ที่จะทำงาน เช่น ถ้า CPU ทำงานต่ำ จะให้ VM ทำงาน 1 เครื่อง หรือ CPU สูง จะให้ VM ทำงาน 3 เครื่อง ช่องสอง เป็น Rank ของ CPU ที่กำหนดว่า ต่ำสุด และ สูงสุด